การพัฒนาสังคม หมายถึง การทำให้เจริญ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตฯ 2525)การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ความหมายตามนัยอื่น เช่น การทำให้ GDP สูงขึ้น หมายถึงรายได้ประชาชาติต่อหัวสูงขึ้นนั่นเอง
1950-60 - ใช้ศก.นำการพัฒนา
- GNP = gross national product.
- Un & lewis “สิ่งที่เราสนใจคือการเจริญเติบโต ไม่ใช่การกระจาย
- วัดได้ (ตัวเลข) และต้องการพัฒนาอุตสาหกรรม
1960 - สังคมถูกละเลย เกิดความยากจนหลายพื้นที่ เกิดประชาชนชายขอบ
- 1962 EC0SOC ของ UN ประกาศบูรณาการ + เศรษฐกิจ + สังคม
- Robert S.Mcmamara ประธาน ธนาคารโลก “อัตราการโตสูงขึ้น การพัฒนาช่วงแรกไม่ได้ก้าวอย่างน่าพอใจ”
1970 - Un เสนอ Unified approach
- เน้น สังคมกับเศรษฐกิจ คือ
1. ไม่ให้ประชาชน ถูกละเลย
2. ปรับปรุงโครงสร้างเอื้อพัฒนาเศรษฐกิจ
3. เท่าเทียมกันทางสังคม
4. สร้างศักยภาพมนุษย์ สร้างโอกาสทำงานซับซ้อนเกินไป ไม่อาจดำเนินการได้
1975 - ILO (International Labour Organization)องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวกับสิทธิแรงงานสำคัญ 4 ประเด็นใหญ่ คือ 1 เรื่องของการไม่ให้ใช้แรงงานภาคบังคับ
2 การไม่ใช้แรงงานเด็กอย่างไม่ถูกต้อง 3 การเคารพและยอมรับในสิทธิในการรวมตัวกัน และเจรจาต่อรองของคนงาน และ 4 การไม่เลือกปฏิบัติ
2 การไม่ใช้แรงงานเด็กอย่างไม่ถูกต้อง 3 การเคารพและยอมรับในสิทธิในการรวมตัวกัน และเจรจาต่อรองของคนงาน และ 4 การไม่เลือกปฏิบัติ
- ความจำเป็นพื้นฐาน Basic need
- เกิดความยากจนสัมบูรณ์ Absolute Poverty ใน 2/5 ของประชากรโลก
1980 - ยุค NICS
- ยุคหลงทาง
- 4 เสือแห่งเอเชีย คือ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง
- เกิดความซับซ้อนทางความคิด
- ยุค 1990 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง Crisis Tomyamkoong
- ไทยเป็น NAC New Agricultural Country
1990 - แนวพัฒนาใหม่ ซีกโลกเหนือ – ใต้
- ซีกโลกเหนือ Redevelopment ได้แก่ us Russia Spain swiss austria Poland
- RECYCLE โรงงานนิวเคลียร์ โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษ ไปยังประเทศโลกที่
สาม เช่นกากนิวเคลียร์ สินค้าขายไม่ออก
- ซีกใต้ (ความทันสมัย การทำสงครามกับความยากจน มักจะเป็นคนจนมากกว่า)
New Common
- วิถีรวมใหม่ วัฒนธรรมชุมชน + ความทันสมัย
- ต้องการออกจากโซ่ทางเศรษฐกิจ การตลาด เน้นการจัดความสัมพันธ์ทางสังคม สาธารณสุข การผลิต บริโภค
UNDP โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
การพัฒนามนุษย์ สร้างดัชนีการวัดประเทศที่พัฒนาแล้ว = บรรทัดฐาน เช่น อัตราการเกิด ตาย อัตราการไม่รู้หนังสือ
สรุป
- ปี 1960 ประเทศในซีกโลกเหนือรวยกว่าใต้ 20 เท่า
- ปี 1980 ประเทศในซีกโลกเหนือจนกว่าใต้ 46 เท่า
- ฝ่ายเหนือคุมเทคโนโลยีก้าวหน้า
- วิถีเก่าถูกทำลาย วิถีใหม่ไม่เกิดขึ้น
- ประชาชนแปลกแยก
- Westernization มาตรฐานเดียว
- ทำลายความหลากหลาย
1. สหรัฐกับประเทศอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ยืนอยู่ตรงจุดสุดยอดแห่งวิวัฒนาการทางสังคมในปัจจุบัน
- Usa เหนือกว่าใครในด้านเทคโนโลยี
- ผลการพัฒนา คือเราบริโภคสิ่งของ 1 ปี เท่ากับโลกต้องใช้เวลาสะสม 1 ล้านปี
- การพัฒนาทำให้เกิดขยะมลพิษขนาดมากกว่า 5-6 เท่าของขนาดโลกถึงจะฝังหมด
- ดังนั้นประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลายจึงไม่ใช่ต้นแบบการพัฒนา คือเป็นการพัฒนาผิดรูปแบบ
2. ความคิดทรูแมน = การเสนอระเบียบโลกใหม่ โดยมีสหรัฐเป็นผู้นำ
- แต่ ประเทศนอกทุนนิยมที่สร้างระบบอุตสาหกรรมของตนสำเร็จคือ โซเวียต ทั้งๆที่ ทรูแมนเรียกร้องให้ประเทศกำลังพัฒนาร่วมต่อสู้มาถึง 40 ปี
- หมดยุคแบ่งลัทธิ และของทรูแมน กลายเป็นยุค รวยกับจน
- เป้าหมายการพัฒนาเปลี่ยนเป็นป้องกัน เช่น การสกัดแรงงานประเทศยากจน การสกัดมิให้สงครามภูมิภาคขยายตัว
3. การพัฒนาทำให้โลกเปลี่ยนไปแต่มิใช่ความแนวคิดของทรูแมน ปรากฏเป็นความผิดพลาดในระดับโลก
4. มีการตั้งข้อสังเกตที่ว่า การพัฒนาเป็นความคิดที่ผิดพลาดมาแต่ต้น ไม่ใช่เกิดจากความล้มเหลวของการพัฒนาแต่มาจากความสำเร็จ
- ประเทศที่พัฒนาอย่างสมบูรณ์ไม่มีใครเคยเห็น
- ทุกชาติต่างพัฒนาโดยเอาแบบอย่างจากประเทศตะวันตก westernization
- ทุกประเทศต่างพัฒนาอย่างคล้ายคลึงกัน มาตรฐานเดียวกัน จึงส่งผลต่อจิตสำนึกทางสังคม
- เกิดการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม ทำลายทางเลือกที่ดีมั่งคงทางสังคมต่างๆ
- สังคมอุตสาหกรรมที่มุ่งขยายตัว ทำลายความสามารถของมนุษย์ที่จะตอบสนองการท้าทายใหม่ๆของโลก
- ด้อยพัฒนา ของ ทรูแมน ไม่ชัดเจนคลุมเครือ ไม่แพร่กระจายถึงแม้เจตจำนงดี
เครื่องชี้วัดการพัฒนา
ทศวรรษ 1950
- มุ่งศก.ตามตะวันตก
- เครื่องชี้ ใช้ GNP
- มุ่งเน้นอุตสาหกรรมความทันสมัย
- ไม่ใช่ความต้องการประชาชน
GNP หมายถึง
1. สินค้าบริการที่ดี มูลค่าขั้นสุดท้าย Market Value
2. ประชาชน ประเทศผลิตในระยะ 1 ปี รวมนอกอาณาเขตประเทศ
3. ก่อนหักค่าเสื่อม
Market Value หมายถึง สินค้าบริการที่มีและไม่มีในท้องตลาด เช่น ข้าวที่บริโภค บ้านที่อยู่อาศัย
ทศวรรษ 1960
- การพัฒนาหมายถึง ความกินดีอยู่ดีของประชาชน แต่ปัญหาคือความหมายกว้างเกิน
- ประเทศไม่ใช่อุตสาหกรรม ตามประเทศอุตสาหกรรมไม่ทัน
สรุป 1950-1960
การพัฒนาไม่ประสบผล แม้ตัวเลขโดยรวมจะโตก็ตาม
1970
- จัดตั้งมหาวิทยาลัยสหประชาชาติ UN.U
- เริ่มโครงการ การพัฒนามนุษย์และสังคม
- ปี 76 ประชุมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ
- เริ่มโครงการ GPID (Goals , Processes and Indicator of development)
- เครื่องชี้วัดสังคมระดับนานาชาติเกิดขึ้น
Joseph R. Goeke 1971
- เครื่องชี้ถูกละเลย เช่น สุขภาพสังคม ความเข้มแข็งทางการเมือง บรรยากาศทางธุรกิจ นิเวศ ความพอใจทำงาน เยาวชน ศาสนา
1974
- Organization for Economic Cooperation and development (OECD) คือองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สร้างเครื่องชี้วัด คือ ความกินดีอยู่ดี
- ผู้เชี่ยวชาญพูดพัฒนามนุษย์มากกว่าเครื่องชี้วัด
- เครื่องชี้วัดกลายเป็นน่าสนใจ
- เป็นเครื่องมือปรับปรุงแผน รัฐ-เอกชน
1976
- อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา สหรัฐ และนอร์เวย์ 5 ประเทศ สร้างเครื่องชี้วัด ประกอบด้วยปัจจัยดังนี้ คือ
1. ประชากร
2. การศึกษา
3. การจ้างงาน
4. รายได้
5. สุขภาพ
6. ที่อยู่อาศัย
7. ความปลอดภัย
8. นันทนาการ
1978
- Dept. of Commerce Bureau of Census(US.) พบว่าชาวอเมริกา ให้คุณค่า
1. การมีสุขภาพดี
2. ชีวิตครอบครัวมากว่า เงิน ทางเพศ งาน
3. ความสงบทางจิต
- ชาว USA 33% ชีวิตรู้สึกสบาย มาพอใจบริการสาธารณะและนักการเมือง
แผน 3 (2515-2519)
- ใช้ชื่อ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- วิกฤต Oil shock น้ำมันขึ้น 4 เท่า
- เศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก
- เกิด 14 ตุลา 16 - 6 ตุลา 19(รัฐประหาร ธานิน ไกรยวิเชียร)
- การลงทุนต่างประเทศลดลง
เป้าหมายแผน 3
- วางแผนครอบครัว ครั้งแรก
แผน 4 (2520-2524)
- ยุครัฐบาลเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์
- เป้าหมาย – ฟื้นฟูศก.
- เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวนาไร่กับนายทุน
- ตั้งสหภาพต่อรองนายทุน
- เกิดนโยบาย 66/23 และ 66/24
แผน 5 (2525-2529)
- เกิดรัฐบาลเปรม ประชาธิปไตยครึ่งใบ
แผน 6 (2530 – 35)
- เกิดรัฐบาลชาติชาย “ปลาไหลใส่สเก็ต ชุบจาระบี
- ปัญหา ความเสื่อมทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
- เศรษฐกิจขยายตัว 11.7 % 3 ปีซ้อน
- สัดส่วนอุตสาหกรรมมากกว่าเกษตรกรรม ครั้งแรก
ประเทศไทย ท่านคิดว่าประเทศไทยพัฒนาแล้วหรือยัง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจในลักษณะของประเทศที่พัฒนาแล้ว สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้อง
กับทฤษฎี Modernization ของ Huntington ที่มุ่งเน้นการพัฒนาในด้านต่างๆ ดังนี้
1. ด้านเศรษฐกิจ
- เน้นการสร้างประเทศให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม
- เพิ่มความเจริญเติบโตของ GDP
- เกิดเครือข่ายทางเศรษฐกิจ
- ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
2. ด้านสังคม
- เครื่องจักรมีบทบาทแทนแรงงาน
- อัตราการเกิดการตายลดลง
- ชายและหญิงมีความเท่าเทียมกัน
- ค่านิยมมีการเปลี่ยนแปลง
3. ด้านการเมือง
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
4. ด้านความรู้
- ก้าวทันข้อมูลข่าวสารในยุคโลกาภิวัตน์
จากแนวคิดการทำให้ประเทศมีความทันสมัย หากนำประเทศไทยมาเปรียบเทียบ พบว่า มีความสอดคล้อง
กับทฤษฎีดังกล่าว โดยพิจารณาจากแผนพัฒนาฯซึ่งแสดงแนวทางการพัฒนาประเทศไทยว่ามีการพัฒนาในด้านต่างๆ
ดังนี้
1. ด้านเศรษฐกิจ- มีการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯเพื่อเป็นวางแผนการพัฒนาประเทศอย่างเป็นระบบ จะเห็นได้ว่า
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑ มีเป้าหมายการพัฒนาที่เน้นการเพิ่มผลผลิต และส่งเสริมอุตสาหกรรม และผลที่ได้รับคือ GDP
เท่ากับ 7.3 ถือว่าเศรษฐกิจมีความเติบโตในระดับดี
- มีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เช่น อาเซียน โอเปค เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและส่งเสริม
การลงทุนจากต่างชาติ
2. ด้านสังคม
ในช่วงแรกใช้คำว่า “แผนพัฒนาเศรษฐกิจ”ต่อมาได้มีการเพิ่มคำว่า “สังคม”ลงไปกลายเป็นแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แสดงว่ามีการให้ความสำคัญในการพัฒนาสังคมควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น
ส่งเสริมด้านสุขภาพ การศึกษา สาธารณูปโภค เป็นต้น
3. ด้านการเมือง
- มีการพัฒนาการเมืองให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
4. ด้านความรู้
- มุ่งสร้างประเทศให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่ส่งเสริมให้มีการศึกษาตลอดชีวิต
จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าแนวทางการพัฒนาประเทศไทยในภาพรวมมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัย
ในทุกๆด้าน แต่ผลที่ได้รับจากการพัฒนากลับไม่ได้มีแต่ความเจริญเพียงอย่างเดียวกลับพบว่ามีผลกระทบที่ตามมาด้วย
ดังนั้น การจะกล่าวว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วดูจะมีความขัดแย้งกับความหมายของการพัฒนา ที่มี
ความหมายว่า การเปลี่ยนแปลงไปในทางเจริญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม แต่ในความเป็น
จริงกลับกลายเป็นว่ามีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงมิติเดียว หรืออาจกล่าวได้ว่ามีความร่ำรวยแต่ความสุข
ลดลง ซึ่งการพัฒนาของประเทศไทยที่ผ่านมาพบว่ามีผลกระทบที่ตามมาดังนี้
1. ด้านสังคม
- เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ เนื่องจากสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตร กลายเป็น
สังคมอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ที่มีทุนคือผู้ที่ได้เปรียบทางเศรษฐกิจ จนเกิดปัญหาความแตกต่างทางชนชั้นระหว่างคนรวย
กับคนจน และเป็นสิ่งสะท้อนว่าสังคมไทยมีแต่ Growth แต่ไม่มีการ Distribution ทำให้เกิดสภาวะ “รวยกระจุก
จนกระจาย” ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชากร
2. ด้านวัฒนธรรม
- วัฒนธรรมไทยกำลังเลือนหายเนื่องจากประเทศมีทิศทางการพัฒนาตามแบบตะวันตก จึงมีค่านิยมใน
วัฒนธรรมตะวันตก ทำให้เกิดการพัฒนามาตรฐานเดียวลดความหลากหลายของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ควรแก่การอนุรักษ์
3. ด้านการเมือง
- แม้ประเทศไทยจะมีการปกครองแบบประชาธิปไตยตั้งแต่มีการปฏิวัติการปกครอง พ.ศ. 2475 แต่
การเมืองก็ยังไม่เสถียรภาพ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและรัฐธรรมนูญบ่อยครั้ง จนกระทั่งในปัจจุบันก็ยังพบว่ามี
ความขัดแย้งทางการเมือง อันเนื่องมาจากความแตกต่างทางชนชั้น มิใช่ ความแตกต่างทางอุดมการณ์
4. ด้านสิ่งแวดล้อม
- มีการทำลายสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดปัญหาต่อระบบนิเวศน์ ส่งผลต่อสุขภาพและวิถีชีวิตของประชากร
จากที่กล่าวมาทั้งหมดแสดงให้เห็นแนวทางการพัฒนาประเทศไทยตั้งแต่เริ่มทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑ ถึงปัจจุบัน พบว่ามีทั้งความเจริญและผลกระทบต่างๆ ซึ่งน่าจะเป็นข้อมูลให้ทุกท่านสามารถตัดสินใจได้ว่า ประเทศไทยพัฒนา หรือ ยังไม่พัฒนา ทั้งนี้ขึ้นกับความคิดเห็นของแต่ละท่าน โดยมีเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อให้คำตอบดูน่าเชื่อถือ
ประเทศญี่ปุ่น
Q: จากการพัฒนาของประเทศญี่ปุ่น ทำให้ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่น รวยหรือจนความคิดของนักศึกษา? โดยให้หา
ทฤษฎีและเหตุผลสนับสนุน
แม้ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นจะมีGNPสูงเป็นอันดับ2ในโลกซึ่งให้ให้ประเทศต่างๆมองเห็นถึงความร่ำรวยมั่งคั่ง
ของญี่ปุ่นแต่ในความเป็นจริงแล้วข้าพเจ้าคิดว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความยากจนแอบแฝงอยู่ โดยใช้ทฤษฎี
ศักยภาพการพัฒนาและการแพร่กระจาย ช่วยวิเคราะห์
ทฤษฎี ศักยภาพการพัฒนาและการแพร่กระจาย มีปัจจัย 6 ประการ
1. ทรัพยากรธรรมชาติ ถ้ามีมากการพัฒนาก็จะสูง ลดการพึ่งพา แต่ ญี่ปุ่นไม่มี ต้องพึ่งพาจากต่างประเทศเช่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจัยในข้อนี้มีวามสำคัญที่สุดในการพัฒนา
2. ทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะวัยแรงงานถ้ามีมากศักยภาพสูง แตญี่ปุ่นประชากรวัยชรามีสูง แก่แต่ไม่ตาย
3. องค์กรสังคม มีพรรคการเมืองดีมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันเป็นพรรคฝ่ายค้านมาบริหารประเทศขาดทักษะประสบการณ์
4. ผู้นำ ผู้นำคนเยอะ กลุ่มคนทำงานใหญ่ ญี่ปุ่นคนทำงานเป็นทีม
5. การติดต่อ ญี่ปุ่นมีการติดต่อสื่อสารที่ดีมีศักยภาพ
6. การศึกษาฝึกอบรม ญี่ปุ่นมีการศึกษาฝึกอบรมที่ดี ญี่ปุ่นขาดทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพัฒนา
ปัจจัยที่แสดงถึงความยากจนของญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นมีประชากร 120 ล้านคน แต่มีพื้นที่น้อยเป็นหมู่เกาะ ทำให้แสดงถึงความแออัดของ
ประชากร
ประชากรของประเทศญี่ปุ่น มีสัดส่วนวัยชราค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับประชากร และด้วยญี่ปุ่น
เป็นรัฐสวัสดิการ ทำให้วัยแรงงานมีภาระมากขึ้นต้องทำงานมากขึ้น
สภาวะแวดล้อมมีปัญหาจากอดีตถึงปัจจุบัน เช่นโรค อิไตอิไต ที่เกิดจากการบริโภคน้ำเหมืองแร่
โรคมินามาตะ เกิดจากสารปรอท และมนุษย์ปรมาณูจาการรั่วไหลของกัมมันตรังสีทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติ
ประเทศญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเป็นของตนเอง เปรียบเหมือนซูโม่ตัวใหญ่บนรองเท้าบัลเลย์คู่เล็ก มี
การพึ่งพาการค้า ต่างประเทศ เช่น USA ถึง25%
• การดำรงชีวิตไม่สมดุลกับการผลิต สิ่งที่เป็นวัตถุเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุ เมืองเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าชนบท
อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีลักษณะ โครงสร้าง 2 ชั้น คือ บ.ยักษ์ กับ บ.SMEs แสดงถึงความด้อย
พัฒนา และรัฐบาลส่งเสริมแต่บ.ยักษ์ ละเลย บ.SMEs
ค่าแรงสูง ส่งผลต่อค่าครองชีพสูง
การระบายน้ำและส้วมเทียบเท่าประเทศกำลังพัฒนา
ปัญหาที่อยู่อาศัยยิ่งเมืองใหญ่ห้องยิ่งเล็กมากๆ ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้บ้านมีราคาแพงมากแม้
คนญี่ปุ่นจะทำงานอย่างบ้านคลั่ง ทุ่มเทเท่าไหร่แต่งานที่ทำก็ไม่สามารถให้คนทั่วไปมีบ้านได้ ไม่สามารถผ่อนให้หมดได้ในรุ่นเดียว บ้านมีเพียง 2 ห้องนอนเท่านั้น คือ ห้องครัว และห้องนอนทำให้เมื่อชรา ไม่สามารถอยู่กับลูกได้
จากปัจจัยที่กล่าวมาแสดงให้เห็นถึง ความยากจนของคนญี่ปุ่น ซึ่งแม้ ญี่ปุ่นจะมีGNP ที่สูงติดอันดับ 2 ของโลก แต่คนญี่ปุ่นไม่ได้มีความสุข หรือมีปัจจัยพื้นฐานของชีวิต ที่พร้อมสมบรูณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น