วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

นโยบาย USA เกี่ยวกับการบริโภคอาหาร(ประกอบการอธิบาย Food,Inc.)

รัฐบาลสหรัฐเผยแพร่แนวทางการบริโภคอาหาร
                เพื่อกระตุ้นให้ชาวอเมริกันที่มีปัญหาในเรื่องน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนหันมาบริโภคอาหารถูกหลักโภชนาการ
                รัฐบาลสหรัฐเผยแพร่แนวทางการบริโภคอาหารเพื่อช่วยให้ชาวอเมริกันที่มีปัญหาในเรื่องน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนได้นำไปใช้ โดยเฉพาะการกระตุ้นให้ชาวอเมริกันงดอาหารที่มีรสเค็มจัด รวมทั้งอาหารที่มีไขมันในเนื้อสัตว์และหันไปรับประทานอาหารจำพวกปลาหรือเมล็ดธัญพืชมากขึ้น
                หากจะกล่าวโทษว่าการรับประทานอาหารแบบชาวตะวันตกเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการควบคุมน้ำหนักก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะอาหารประเภทมันฝรั่งทอดในน้ำมัน  อาหารประเภท Red Meat หรือเนื้อสัตว์ใหญ่ และอาหารประเภทหมักดอง   รวมไปถึงภาวะการขาดการออกกำลังกาย ล้วนแต่เป็นสาเหตุให้ผู้คนกว่า 1 พัน 5 ร้อยล้านคนทั่วโลกมีน้ำหนักตัวมากขึ้น
                แพทย์หญิง ลินน์ โกล์ดแมน (Lynn Goldman) คณบดี คณะสาธารณสุขศาสตร์ จาก George Washington University กล่าวว่า อาหารที่เค็มจัดเกินไป และอาหารที่มีไขมันจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พบได้ในอาหารแบบจังค์ฟู๊ด หรืออาหารจานด่วนที่หาซื้อได้ทั่วไป
                แพทย์หญิง ลินน์ โกล์ดแมน กล่าวว่า หากย้อนกลับไปถึงวิธีการรับประทานแบบเดิมที่มักจะรับประทานผลไม้สด  เมล็ดธัญพืชแบบ whole grains หรือ เมล็ดธัญพืชแบบไม่ขัดสี ขัดเปลือก  และพืชผัก จะที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า และข้อแนะนำใหม่นี้เป็นแนวทางที่ทุกคนสามารถนำไปใช้เพื่อดูแลร่างกายและรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์มากขึ้น
                แนวทางการบริโภคอาหาสำหรับชาวอเมริกันที่เผยแพร่ทุกๆ 5 ปีเป็นส่วนหนึ่งนโยบายด้านโภชนาการของทางการสหรัฐ เพื่อช่วยให้โรงเรียนต่างๆได้วางแผนด้านสุขภาพสำหรับเด็กๆ และการสนับสนุนด้านอาหารแก่ผู้ที่ยากจน
                คุณโรเบิร์ท โพสต์ (Robert Post) จากศูนย์ประชาสัมพันธ์นโยบายด้านโภชนาการในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า สาระสำคัญจากคู่มือแนะนำการควบคุมอาหารเป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อที่จะได้เลือกรับประทานอาหารที่ดีขึ้นและบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกายให้น้อยลง
                คุณโรเบิร์ท กล่าวว่า ทุกคนสามารถเชื่อมั่นได้ว่าอาหารประเภทพืชผัก เมล็ดธัญพืชแบบ whole grains   ผลไม้ และอาหารประเภทไขมันต่ำ รวมไปถึงนมพร่องไขมันจะมีในประโยชน์ทางโภชนาการได้มากขึ้น
                รายงานจากองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในปี 2015 หรือในอีก 4 ปีข้างหน้าจะมีผู้ที่มีปัญหาในเรื่องน้ำหนักเกินมากกว่า 2 พันล้านคน และ ในจำนวนนี้ 700 ล้านคนจะอยู่ในข่ายเป็นโรคอ้วนนอกจากนี้ยังพบว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบประมาณ 20 ล้านคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน
                นักโภชนาการด้านอาหารกรุงวอชิงตัน ระบุว่า ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน และเป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน  โรคไขข้ออักเสบ รวมทั้งโรคมะเร็ง  โดยเฉพาะผู้ที่บริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของเกลือต่อวันเกิน 1 พัน 5 ร้อยมิลลิกรัม ก็อาจจะเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง
                นอกจากนี้คุณโรเบิร์ตยังเชื่อว่า แนวทางการควบคุมอาหารนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวอเมริกันได้รับข้อมูลด้านโภชนาการที่ถูกต้อง และได้รู้แนวทางการบริโภคอย่างถูกวิธี  สามารถลดน้ำหนักลงได้ และรู้สึกถึงการมีสุขภาพที่ดีขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น